ตอนที่ 1: 30 กรกฎาคม 2555. เวลา 22.30
น.โดย สุทธิกันต์ อุตสาห์
สวัสดีทุกท่าน ที่อ่านบทความฉบับนี้
เป็นบทความที่สร้างโดย นักศึกษาปริญญาเอก DBA.04
ม.ศรีปทุม ที่ท่านอาจารย์ ผศ.ดร.วิชิต อู่อ้น ท่านได้ฝึกให้ลูกศิษย์
ของท่าน มีความรู้ความเข้าในใจเรื่องการจัดเชิงกลยุทธ์ชั้นสูง เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้จริงและสามารถปรับใช้กับความรู้เดิมที่เคยเรียน
มาในระดับปริญญาโท หากแต่การเรียนในครั้งนี้ ต้องการให้วิเคราะห์ ที่ประกอบด้วยทฤษฎี
เพียงเพื่อให้งานออกมามีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น การเขียนบทความนี้เป็นบทความชิ้นแรก
ลองมาอ่านกันดูครับ
การเริ่มต้นวางแผนทางธุรกิจ
จาก เอกสารการเรียน รูปที่ 1 อธิบายได้ว่า
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการวางแผนทางกลยุทธ์ต่าง
ๆ มีถึงปัจจัยสำคัญอยู่ 8 ประการ
ที่มีความหมายและลำดับขั้นและเป็นไปตามแนวทางที่มีความสอดคล้องสัมพันธ์กัน
และสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มตาม ของแต่ ลักษณะ
ทั้งนี้สามารถ อธิบายตามภาพประกอบดังนี้
กรอบความคิดที่
1 “Management Characteristics“ ลักษณะทางด้านการบริหารจัดการ ซึ่งจะมีแนวคิดหรือหลักการปฏิบัติประกอบด้วย
2 ปัจจัย คือ
1. Long-term Orientation : หมายถึง การวางแผนทางด้านการบริหารจัดการของบริษัท
ในระยะยาว หรือการกำหนดแผนงานและการจัดการเชิงกลยุทธ์
ควรจะมีทิศทางที่แน่นอนว่าจะดำเนินการหรือจัดการรูปแบบของบริษัทอย่างไร ทั้งในส่วนที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า
เริ่มต้นจากมองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว มีผลกระทบส่งผลต่อบริษัท การนำกลยุทธ์
2. Perception of past
Success : หมายถึง การนำเอาผลงานหรือผลสำเร็จของงานที่ผ่านมาแล้วมาพิจารณาและวิเคราะห์
เพื่อนำมาปรับปรุงประสิทธิภาพขอการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น
โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดหรือส่งผลไม่ดีต่อบริษัทซึ่งอาจจะส่งผลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทได้
และเป็นมาตรการณ์เพื่อสร้างระบบการวางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ ในการแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่
กรอบความคิดที่
2 Firm Dynamics หมายถึง การขับเคลื่อนทางธุรกิจ
หรือการเตรียมตัวตั้งรับของธุรกิจในรูปแบบต่าง แบ่งออกเป็น ลักษณะของธุรกิจ 4 ประเด็น
คือ
1) Competitor Orientation : การเข้ามาของคู่แข่งขันเป็น บริษัทจะต้องวิเคราะห์ จุดอ่อน (w) และจุดแข็ง(s) ของบริษัท และใช้กลยุทธ์ที่สามารถแก้ปัญหาได้
อาทิเช่น BCG ฯลฯ
2) Cultural Entrenchment : การสร้างวัฒนธรรมขององค์กรและจิตสำนึกรักในการทำงาน
เพื่อให้มีเกิดการร่วมมือและมุ่งสร้างความเข้มแข็งของบริษัท
3) Resource Richness : ความพร้อมและกำลังความสามารถในถือครองทรัพยากรของบริษัท เป็นเป็นจัยที่ช่วยในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัท การจัดการสภาพคล่องทางการเงิน การบริหารจัดการเวลา เพื่อเสริมสร้างให้สอดคล้องกับแผนงานและสร้างผลการดำเนินงานและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
4) Anti-planning Political Behavior : การป้องกันนโยบายทางการเมือง ย่อมส่งผลต่อบริษัท อาจส่งผลให้แผนอาจหยุดชะงัก ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท
3) Resource Richness : ความพร้อมและกำลังความสามารถในถือครองทรัพยากรของบริษัท เป็นเป็นจัยที่ช่วยในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของบริษัท การจัดการสภาพคล่องทางการเงิน การบริหารจัดการเวลา เพื่อเสริมสร้างให้สอดคล้องกับแผนงานและสร้างผลการดำเนินงานและผลกำไรอย่างต่อเนื่อง
4) Anti-planning Political Behavior : การป้องกันนโยบายทางการเมือง ย่อมส่งผลต่อบริษัท อาจส่งผลให้แผนอาจหยุดชะงัก ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัท
กรอบความคิดที่ 3 Environmental Factor : หมายถึง ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมหรือบริบทต่าง ทั้งคู่แข่งขัน การเปิดทัศนคติมุมมองการเรียนรู้และยอมรับสิ่งใหม่ ประกอบด้วย 2 ปัจจัย คือ
1) Competitive
Intensity : ความสามารถต่อคู่ธุรกิจในการแข่งขัน ด้านการวางแผนที่ต้องศึกษาข้อมูล
แสวงหาโอกาสทางการแข่งขัน และการปรับตัวที่ดีกว่า เช่นผลิตภัณฑ์ การบริการ เพื่อนำมาใช้จัดการเชิงกลยุทธ์ที่เหนือคู่แข่งขัน
2)
Industry-wide Mindset : เปิดกว้างทางความคิดหรือเปิดรับสิ่งใหม่
อาทิเช่น ข้อมูลต่างๆเพื่อ เป็นการสร้างโอกาสในการแข่งขันและเกิด ประโยชน์กับบริษัท
เป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับบริษัทและนำมาซึ่งการปรับใช้หรือวาง แผนการจัดการเชิงกลยุทธ์
บทสรุป
บทสรุป
วางแผนการจัดการเชิงกลยุทธ์ หรือวิธีการจัดการกับบุคลากร
ยังมีอีกมากมายหลายๆกลยุทธ์ ซึ่งบ้างกลยุทธ์จะใช้ได้ผลกับบริษัท แต่อาจจะไม่ได้ผลกับอีกบริษัท อยู่ที่ผู้บริหารจะเข้าใจดีเพียงใด
แล้วพบกันใหม่นะครับ
บ๊ะ ดอนเมือง